รถบังคับวิทยุเบื้องต้น
การแบ่งประเภทรถบังคับ
1. แบ่งตามระบบควบคุมบังคับ
- รถบังคับแบบของเล่น หรือ กึ่งของเล่น เช่น รถ QD / Henlong / ตราเพชร ฯลฯ- รถบังคับแบบ Hobby เช่น รถ Tamiya / HPI ฯลฯ
2. แบ่งตามขนาดของรถบังคับ
- ขนาดเล็ก - รถแมลงสาป 1/64 - รถกระป๋อง 1/32 - รถมินิZ 1/28 - รถไมโคร 1/18 ฯลฯ
- ขนาดมาตรฐาน - รถบังคับ 1/10 - รถบังคับ 1/8- ขนาดใหญ่ - รถบังคับ 1/6 - 1/5 - 1/4 ฯลฯ
3. แบ่งตามต้นกำลัง
- รถบังคับไฟฟ้า (มอเตอร์)- รถบังคับน้ำมัน (ไนโตร)
4. แบ่งตามระบบส่งกำลัง
- สายพาน
- เพลา
- โซ่
- ผสม เช่น โซ่ ผสม เพลา- ขับเคลื่อน สองล้อ / ขับเคลื่อน สี่ล้อ
5. แบ่งตามประเภทรถ
- รถทางเรียบ เช่น ทัวริ่งคาร์
- รถกระดาน- รถวิบาก (ออฟโรด) เช่น บักกี้
- บิ๊กฟุต (ล้อโต)
- รถอเนกประสงค์ เช่น แรลลี่
- รถกระบะ
6. แบ่งตามรูปแบบที่วางขาย
- ชุดคิท (สำหรับประกอบ) มีชิ้นส่วนและคู่มือมาให้ผู้เล่นประกอบเอง
- ชุดพร้อมเล่น RTR รถบังคับและอุปกรณ์อื่นๆมาพร้อมจากโรงงาน (มีอุปกรณ์มาให้ไม่เท่ากันในแต่ละรุ่น)
คำถามต่อมา เมื่อท่านตกลงปลงใจจะเข้าสู่วงการแล้ว ก็จะต้องคิดว่า จะเล่นรถประเภทไหน
1. รถทางเรียบ = ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับ มีพื้นที่เรียบๆ ให้เล่น ซึ่งท่านก็ต้องเลือกระหว่าง รถขับสอง หรือขับสี่ซึ่งที่นิยมกันก็เป็นประเภท ทัวริ่งคาร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งจะให้การยึดเกาะถนนได้ดีกว่า
2. รถทางฝุ่น = ซึ่งก็มีหลายประเภท มีทั้ง ขับ2 ขับ4
- 2.1 รถบักกี้ = สำหรับชาวไฟฟ้า มักจะนิยม บักกี้ ขับสองล้อหลัง ซึ่งยี่ห้อดังก็คือ TEAM LOSI และอื่นๆรถแบบนี้ จะโดดได้ดี วิ่งได้เร็ว สำหรับบักกี้ขับสี่ จะยึดเกาะถนนได้ดีกว่า
- 2.2 รถทรัค = คล้ายๆบักกี้ แต่ ล้อจะโตกว่า มีทั้งขับสองและขับสี่ รถแบบนี้จะนิ่งกว่า บักกี้
- 2.3 รถล้อโต (บิ๊กฟุต) = สำหรับรถไฟฟ้าล้อโต
3. รถลูกครึ่ง = ก็มีพวก รถแรลลี่ เช่น ทามิย่ะ TB-01 แรลลี่ หรือ พวกรถตรวจการณ์ SUV เทือกนั้น ซึ่งทางเรียบก็พอได้ ทางวิบากก็พอไหว
เมื่อเลือกได้แล้วก็มาดูกันถึงรายละเอียดอื่นๆ
1. ชุดคิทรถ หรือ ตัวรถยี่ห้อที่นิยมในเมืองไทย ก็เป็น ทามิย่ะ Tamiya , เอชพีไอ HPI , เคียวโช Kyosho เนื่องจากมีตัวแทนจำหน่ายมีอะไหล่ค่อนข้างพร้อม , มีผู้นิยมเล่นเป็นจำนวนมาก และ มีรถหลากหลายให้เลือกเล่น
2. ชุดวิทยุบังคับมักจะจำหน่ายกันเป็นชุดประกอบด้วย
- ตัวรีโมท ไกปืน ซึ่งตรงไกปืนจะเป็น คันเร่ง-เบรค(หรือถอยหลัง)
- ตัวเครื่องรับ (รีซีฟเวอร์) ติดตั้งที่ตัวรถมีสายอากาศ ไว้รับคลื่นจากตัวรีโมท
- เซอร์โว เป็นอุปกรณ์บังคับเลี้ยวซึ่งรับสัญญาณ มาจาก รีซีฟเวอร์อีกที
3. มอเตอร์ และ สปีดคอนโทรลเป็นต้นกำลังของรถไฟฟ้า ซึ่งมีอยู่ สามสี่แบบใหญ่ๆ
- มอเตอร์ขาว มีสองยี่ห้อ มาบูชิ กับ จอห์นสัน เหมาะสำหรับหัดขับ ประหยัดไฟมาก ไม่แรงนัก การบำรุงรักษาต่ำ
- มอเตอร์สต๊อค 23TURN มีกำลังแรงพอสมควร นิยมใช้ในการแข่งขันทั่วไป
- มอเตอร์โมดิฟาย มีกำลังแรงมากน้อยตามระดับการโมดิฟาย นิยมใช้ในสนามแข่งหรือเล่นนอกสนาม
- สปีดคอนโทรล คือ อุปกรณ์ จ่ายไฟให้กับมอเตอร์โดยรับคำสั่งจากรีซีฟเวอร์
- การจ่ายไฟจะจ่ายมากน้อยตาม น้ำหนักมือที่กดลงรีโมทตรงไกปืน
- สปีดคอนโทรลจะมีหลายระดับราคา ตั้งแต่ พันกว่าบาทจนถึงเกินหมื่น- การนำมาใช้คู่กับมอเตอร์ต้องดูสเป็คของสปีดคอนโทรล
4. แบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า ก็คือ แบตขนาด SubC จำนวน 6เซลล์ ต่อ 1 แพ๊ค แบ่งเป็น
- แบตสติ๊กแพ๊ค คือ นำแบต มาแพ๊ครวมเป็นแท่งเดียว
- แบบแซดเดิ้ลแพ๊ค คือ แพ๊คเป็นแถวๆ เรียงยาวหรือ แบ่ง สองฝั่ง ฝั่งละ 3เซลล์
5. อุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็น- ไขควง คีม ประแจ ฯลฯ
- หัวแร้งบัดกรี ตะกั่ว ที่ดูดตะกั่ว ปากคีบช่วยจับ
- เครื่องชาร์จแบตเตอรี่
ที่มา: บทความจาก teenee.com
